เถรประวัติหลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ
หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ พระเกจิสายไทยใหญ่อาคมขลังแห่ง เชียงดาว
หลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ ปัจจุบันอายุได้ ๙๑ ปี พรรษาที่ ๕๖ เจ้าอาวาสพระธาตุดอยจอมแวะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ท่านเกิดเมื่อวันอังคาร เดือนสิบสองไทย(ธันวาคม) พ.ศ. ๒๔๖๓ ปีวอก ที่ บ้านน้ำหน่อ ต.ปางซาง จ.ลายข่า ประเทศพม่า(ไทยใหญ่) บิดาเป็นกำนัน ท่านชื่อจั่นตา มารดาชื่อนางเห็งแปร มี พี่น้องร่วมกันทั้งหมด ๑๐ คน ครูบาออเป็นคนที่ ๙ ของครอบครัว ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว คงเหลือแต่ท่านคนเดียว ท่านมีหลาน ๆ ลูกพี่ลูกน้องอยู่ในหมู่บ้าน เมืองนะ หลายคน ที่พอจะคอยดูแล ในช่วงที่ท่านเป็นเด็ก เด็กชายออ นั้นได้เริ่มบรรพชาสามเณร ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ จนถึงอายุ ๑๕ ปี พอดีในช่วงนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านได้ลาสิกขาไปรับใช้ชาติเป็นทหารร่วมรบกับกองกำลังทหารไทยใหญ่ หลังปลดจากทหารแล้วได้กลับมาอุปสมบทอีกครั้งได้ ๕๖ พรรษาท่านเป็นพระเกจิสายเดียวกับครูบาเป็งยา มหานยกะ วัดเปียงหลวง อ.เวียงแหง ปัจจุบันเป็นพระเกจิที่พลโทเจ้ายอดศึกและทหารไทยใหญ่ แม้แต่คนไทยที่อยู่ในแถบนั้นให้ความศรัทธานับถืออย่างมาก โดยกองทัพไทยใหญ่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อทหารพม่าเลย ทั้งที่กองกำลังทหารมีจำนวนน้อยกว่า ท่านชอบใช้ชีวิตที่สมถะสันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เรียบง่าย เรื่องอาหาร เมื่อมีก็ฉันท์ ไม่มีก็ไม่ฉันท์ ที่ไหนเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์อยู่อาศัย ท่านก็จะไปพำนักอยู่ปฏิบัติธรรม เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป ท่านเป็นพระสงฆ์ที่คอยโปรดญาติโยมชาวบ้านทุกคน ที่เข้ามานมัสการท่านอยู่ตลอด
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแดนเหนือ "หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิโต" สิริอายุ 93 ปี แห่งสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ อ.เชียง ดาว จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก
ตามประวัติท่านเป็นครูบาผู้เฒ่าที่มากด้วยวิชาขมังเวท เจ้าอาคมชาวไทยใหญ่ ปลีกตัว เร้นกายอยู่บนดอยสูงเพียงรูปเดียว
"ครูบาออ" รูปนี้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาจากประชาชนรัฐไทยใหญ่มาก
"เจ้าฟ้าแสงเชียง" เจ้าแผ่นดินรัฐฉานหรือไทยใหญ่ เป็นผู้สักสังวาลเพชรบนศีรษะท่านตอนอายุ 20 ปี เพราะโปรดที่ "นายออ" ตอนนั้นเป็นทหารกล้า นำพากองทัพไทยใหญ่รบชนะข้าศึก โดยไม่เสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว
จากคำบอกเล่าของท่าน "เจ้าปิ่นยา" พระสังฆราชไทยใหญ่ เป็นผู้บวชให้ เมื่อบวชแล้วท่านศึกษาอักขระ ตำราเลขยันต์ฉบับหอคำหลวง เจนจบพุทธาคม จนได้รับการวางตัว เป็นพระมหาเถระองค์ต่อไป

ท่านเรืองวิชาตั้งแต่เป็นสามเณร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ถูกเกณฑ์เป็นทหารไทยใหญ่ รบกับพม่า ทั้งกองร้อยรบไม่เคยแพ้ เพราะก่อนรบท่านทำน้ำมนต์และสักกระหม่อมให้เพื่อนทหารสู้กับศัตรู ปรากฏว่า ปืนทหารพม่ายิงมาไม่ออกบ้าง ออกแต่ไม่ถูกบ้าง ลูกระเบิดตกใกล้ๆ ไม่ระเบิดบ้าง แม้ตอนนี้เจ้ายอดศึก ผู้นำไทยใหญ่ ก็เคารพนับถือท่านอย่างที่สุด
เนื่องจากสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะที่ "ครูบาออ" อยู่จำพรรษานั้น เป็นดอยสูง ไม่มีถนน ทั้งทางขึ้นดอยก็ลาดชัน รถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปได้ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งไฟฟ้า และน้ำประปาก็ไม่มี อาศัยเพียงน้ำฝน และแผงเซลล์รับแสงอาทิตย์ ศิษย์จะขึ้นไปกราบท่านต้องนำน้ำดื่มไปถวายเป็นขวดๆ ทั้งสำนักสงฆ์ก็ยังขาดเสนาสนะอีกมาก จึงมี ผู้ศรัทธาร่วมทำบุญสร้างทางขึ้นดอยกับหลวงปู่ครูบาออ แต่ยังมีไม่มาก
ครูบาออบอกว่า อานิสงส์สร้างทางขึ้นดอยสู่องค์พระธาตุ เหมือนสร้างทางขึ้นสวรรค์ สร้างวิมาน สร้างบารมีใหญ่ เดินทางปลอดภัย ขึ้นเหนือได้โชค ลงใต้ได้ลาภเป็นมหาเศรษฐีในเร็ววัน เป็นใหญ่เหนือคน ไม่จน ไม่เจ็บ ตายไปเกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้า ลงมาเป็นมนุษย์ จะถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติมหา ศาล มีอานิสงส์เหลือคณานับ
"สิงห์ปราบป่า พญาปราบเมือง" เป็นเครื่องรางของขลัง ที่ครูบาอออธิษฐานจิตมอบให้ ผู้ที่ร่วมบุญสร้างทางขึ้นดอยกับท่าน
สีหราชตำราไทยใหญ่ เชื่อว่าเป็นราชาแห่งสัตว์ และมนุษย์ เป็นใหญ่ในโลก เพราะเหยียบโลกไว้ใต้อุ้งเท้า เหยียบทวีปไว้ทั้ง 4 ทวีป วัดทางภาคเหนือ จึงนิยมสร้างสิงห์คู่ยืนเฝ้าประตูวัด คอยพิทักษ์วัด จับวิญญาณชั่วร้ายกิน ปราบปรามสิ่งไม่ดีทั้งหลาย
ครูบาออจัดสร้างสิงห์ปราบป่า พญาปราบเมือง เคล็ดวิชามหาปราบแห่งหอคำหลวง ด้วยเหล็กอาถรรพ์ ผูกคอด้วยสายสิญจน์ที่เสกมา 5 ปี เป็นรุ่นแรก เพื่อมอบตอบแทนผู้ร่วมสร้างทางขึ้นดอย สร้างถนนไหว้พระธาตุ
สนใจร่วมบุญบูชาได้ที่สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และศูนย์พระเครื่องชั้นนำทั่วไป